Skip to content

เข้าใจการพักโทษ(ปล่อยก่อนกำหนด)ได้ง่ายๆใน 9 นาที | ระบบ สืบค้น คำพิพากษา ศาลฎีกา

เข้าใจการพักโทษ(ปล่อยก่อนกำหนด)ได้ง่ายๆใน 9 นาที


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เข้าใจการพักโทษ(ปล่อยก่อนกำหนด)ได้ง่ายๆใน 9 นาที

เข้าใจการพักโทษ(ปล่อยก่อนกำหนด)ได้ง่ายๆใน 9 นาที

คำพิพากษา | การอ่าน\”คำพิพากษาศาลฎีกา\”มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?


คำพิพากษา | การอ่าน\

เปิดคำพิพากษา ศาลฎีกาสั่งจำคุกสองสามีภรรยาคนละ 5 ปี ข้อหารุกป่า-ทำไม้หวงห้าม ยันไม่ใช่แค่เก็บเห็ด


ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกสองสามีภรรยา อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ ลดโทษหนึ่งในสาม จำคุกคนละ 5 ปี ระบุหลักฐานฎีกาฟังไม่ขึ้น ชี้เป็นเครือข่ายมอดไม้บุกรุกตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวน แถมปรุงแต่งหลักฐานใหม่เพื่อให้ตนเองพ้นผิด ขณะที่ทนายความประกาศรื้อฟื้นคดีแต่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลเพราะต้องรอเหตุผลในการรื้อฟื้นคดี

จากกรณีคดีนายอุดม และ นางแดง ศิริสอน สองตายายซึ่งเข้าไปเก็บเห็ดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตำบลโนนสะอาด อำเภอห้วยเม็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกป่าเมื่อปี 2553 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 30 ปี แต่ตายายทั้งสองคนให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 15 ปี

ล่าสุดศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา ตามที่จำเลย ประกอบด้วย นายอุดม ศิริสอน จำเลยที่ 1 และนางแดง ศิริสอน จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาคัดค้าน ต่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ , ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวน ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ใน 3 ประเด็นสำคัญ 1.โดยอ้างว่าจำเลยหลงเชื่อบุคคลภายนอกให้รับสารภาพ และจำเลยที่ 1 อ้างว่าตนเองเคยประสบอุบัติเหตุ มีอาการลมออกหูและประสาทไม่ดีพูดจากรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 2.การดำเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่ชอบเพราะไม่ได้แจ้งพฤติการณ์และรายละเอียดในการกระทำผิดตามฟ้องให้จำเลยทราบ 3.ประการสุดท้ายฎีกาของให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

หลังจากศาลวินิจฉัยตามฎีกา กรณีอ้างว่าจำเลยหลงเชื่อบุคคลภายนอกให้รับสารภาพ และจำเลยที่ 1 อ้างว่าตนเองเคยประสบอุบัติเหตุ มีอาการลมออกหูและประสาทไม่ดีพูดจากรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะคำให้การเป็นการขัดแย้งกันหลังจากที่ศาลได้ทำการสืบพินิจจำเลย และการดำเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่ชอบเพราะไม่ได้แจ้งพฤติการณ์และรายละเอียดในการกระทำผิดตามฟ้องให้จำเลยทราบ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้น กรณีดังกล่าวปรากฏว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตามฟ้องให้จำเลยทั้งสองทราบโดยครบถ้วย เพียงแต่ไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำมากเท่ากับที่บรรยายในฟ้อง ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธอันแสดงว่าจำเลยทั้งสองเข้าใจ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น

ส่วนประการสุดท้ายฎีกาของให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ตามรายงานสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสอง สำนวนการสอบสวนที่ศาลฎีกาเรียกมาจากโจทก์เพื่อประกอบการพิจารณาได้ความว่า ในวันเกิดเหตุคณะเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าร่วมกันออกตรวจปราบปรามผู้กระทำความผิดกฏหมายเกี่ยวกับป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พบกลุ่มบุคคล 34 คน กำลังช่วยกันตัดไม้ใช้มีดแผ้วถางขนาดเล็กและตัดโค่นไม้สักล้มลงจำนวนมาก เมื่อพบเจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งหนี ปรากฏหลักฐานการตัดไม้เป็นแปลงปลูกไม้สวนป่า ปี 2527,2531,2532,2536 มีการตัดโค่นไม้สักสักกับไม้กระยาเลย ขนาดโตประมาณ 30 ถึง 90 ซม. อายุประมาณ 15 ถึง 20 ปี ที่กำลังโต เป็นการกระทำความผิดขอกลุ่งบุคคลหลายฝ่ายร่วมกันเป็นขบวนการลักลอบตัดไม้ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง โดยจำเลยทั้งสองร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการดังกล่าว

ตามพฤติกรรมแห่งคดีเชื่อได้ว่าบุคคลที่เป็นกลุ่มนายทุนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดตามฟ้องโดยตรง และยังมีการติดตามเพื่อขยายผล คงมีแต่จำเลยทั้งสองเท่านั้นยอมเข้ามอบตัวเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไปและสมัครใจรับสารภาพตามฟ้อง กรณีมีเหตุผลสมควรให้กำหนดโทษที่ลงแก่จำเลยทั้งสองให้น้อยลงเพื่อให้เหมาะแก่รูปคดี แต่ตามพฤติการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองส่งผลกระทบต่อสภาพความสมดุลของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยากแก่การฟื้นฟูให้กลับมาคืนดีดังเดินส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยทั้งสอง ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน อนึ่งระหว่างพิจาณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 106/2557 เรื่องแก้ไขเพิ่มเตอมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องใช้กฏหมายเดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันทำไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 4 ปี ฐานร่วมกันมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 6 ปี เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอบคนละ 5 ปี นอจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4

ขณะนี้ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลมีเมตตาลดโทษให้เป็นหนึ่งในสาม แต่คดีนี้คงจะรื้อฟื้นใหม่ เพราะตนมั่นใจในพยานหลักฐานเพราะจะต้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งก็จะมีการรื้อฟื้นคดีต่อไป ส่วนรายละเอียดที่นำมารื้อฟื้นคดีใหม่เป็นอย่างไรนั้นจะมาอธิบายให้ฟังในวันที่มายืนรื้อฟื้นคดี ยืนยันว่าจะเป็นหลักฐานใหม่โดยเฉพาะพยานบุคคล

รายละเอียดเพิ่มเติม http://morningnews.bectero.com/socialcrime/03May2017/101605

เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) 03 พฤษภาคม 2560
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com : http://morningnews.bectero.com
facebook : https://www.facebook.com/MorningNewsTV3
Twitter : https://twitter.com/MorningNewsTV3
Official LINE : @ruenglao

เปิดคำพิพากษา ศาลฎีกาสั่งจำคุกสองสามีภรรยาคนละ 5 ปี ข้อหารุกป่า-ทำไม้หวงห้าม ยันไม่ใช่แค่เก็บเห็ด

อ่านหนังสือยังไงให้จำได้ l 10นาทีกับหมอต่อ


รับปรึกษาปัญหาด้านความงาม ผิว และสุขภาพ โดย นพ.วชิรวิทย์ กิตติรัตน์พัฒนา
fanpage ถามตอบปัญหา https://bit.ly/30fr3Nh
Youtube : http://www.youtube.com/c/10นาทีกับหมอต่อ​
.
สั่งซื้อสินค้า ครีมบำรุงผิว เซรั่มหน้าใส ครีมรักษาสิว กันแดดชนิดไม่อุดตัน
website : https://bit.ly/3ea0l0H
Facebook : https://bit.ly/38dV0Sm
LINE : https://bit.ly/3sSh1hA
Shopee : https://bit.ly/3ebT40p
IG : https://bit.ly/38drCf6

อ่านหนังสือยังไงให้จำได้ l 10นาทีกับหมอต่อ

เทคนิค ดู สารบัญ คำพิพากษา ศาลฎีกา


แหล่งข้อมูลตรวจสอบการตีความข้อกฎหมาย

เทคนิค ดู สารบัญ คำพิพากษา ศาลฎีกา

นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่Sales experience

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *